วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

กระจกตาจากผู้เสียชีวิต ช่วยคน


โรงพยาบาลนเรศวรประสบความสำเร็จ เปลี่ยนถ่ายกระจกตาจากผู้เสียชีวิต ให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาเสื่อมรายแรก ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. มหาวิทยาลัยนเรศวรได้แถลงข่าวสื่อมวลชน ถึงความสำเร็จของศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะภาคเหนือตอนล่าง โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 เพื่อพัฒนาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้มีขีดความสามารถด้านการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ 4 ประเภท ได้แก่ ตา ไต ไขกระดูก และกระดูก

รวมทั้งเป็นศูนย์ความรู้เพื่อผลิตบัณฑิตแพทย์ที่มีความเป็นเลิศ กระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 2552 ได้ทำการปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยรายแรกได้สำเร็จ

พ.ญ.รสสุคนธ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ จักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านกระจกตา อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาจักษุ โสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า โรคกระจกตาเสื่อม สาเหตุเกิดจากเซลล์ชั้นในของกระจกตาดำมีปริมาณน้อย ซึ่งจะทำให้มีอาการตาบวม ตามัวลงเรื่อยๆ

ประกอบกับคนไข้รายนี้มีอายุมาก จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนกระจกตาดำ หรือการปลูกถ่ายกระจกตาดำ ซึ่งก็มีการเขียนเอกสาร เข้าคิวรอรับกระจกตาจากผู้บริจาคไปที่สภากาชาดไทย ประมาณ 1 ปี และก็ได้รับดวงตาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตที่รพ.พุทธชินราช 1 ข้าง อีก 1 ข้างส่งไปที่สภากาชาดไทย

สำหรับการผ่าตัดครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ต้องดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับการบริจาคดวงตามา โดยการปั่นเอากระจกตาที่เสื่อมที่เป็นรูปวงกลมออก แล้วก็นำกระจกตาของผู้บริจาคใส่เข้าไปแทนแล้วทำการเย็บ

ผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ คนไข้ไม่มีสภาวะต่อต้านกระจกตา เพราะชิ้นเนื้อกระจกตาที่ได้มีคุณภาพดี มีเซลล์เพียงพอ ด้านการมองเห็นก็ดีขึ้นจากเดิมเห็นได้เพียง 1 ฟุต ตอนนี้คนไข้สามารถอ่านแผ่นวัดสายตาในระยะ 6 เมตรได้ ขณะนี้ก็ยังต้องมาพบหมอเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อหยอดยาและติดตามอาการ อย่างไรก็ตามก็อาจยังมีภาวะสายตาเอียงอยู่บ้างซึ่งการปรับสายตาและตัดไหมจะทำได้เมื่อผ่านไป 1 ปี

ขณะนี้ทางโรงพยาบาลมีเครื่องมือที่พร้อมและมีทีมอาจารย์แพทย์ที่เชี่ยวชาญ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าผู้รอรับการปลูกถ่ายกระจกตาดำอีกประมาณ 5-10 ราย ก็น่าจะมีความสำเร็จ นอกจากนี้ทางศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะตา ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเข้ารับการอบรมการเก็บดวงตา การเจรจาเพื่อเก็บดวงตาจากผู้เสียชีวิตแล้ว เพื่อนำมาปลูกถ่ายให้ผู้ป่วย

"ต้องขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ทีมเก็บอวัยวะของโรงพยาบาลพุทธชินราช ขอบคุณมูลนิธิโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรที่ดำเนินการจัดซื้อเครื่องมือรวมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ขอบคุณผู้บริจาคดวงตาและผู้บริจาคเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทำให้มีวันนี้” พ.ญ.รสสุคนธ์ กล่าว

นายเปรื่อง บุญอ่อง อายุ 70 ปี คนไข้ที่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาดำ กล่าวว่า ภูมิใจที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร มีแพทย์และทีมงานที่กระตือรือร้นที่จะทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ตอนนี้มองเห็นก็ดีใจเมื่อก่อนเดินไป ระยะสูงต่ำไม่รู้ มันเบลอ สะดุดเรื่อย ต้องขอบคุณทีมแพทย์ และมูลนิธิโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และผู้บริจาคดวงตาให้ ตนจะไปทำบุญให้ผู้บริจาคด้วย

ศ.นพ.ศุภสิทธิ์ พรรณารุโณทัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรกล่าวว่า ความสำเร็จของการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตารายแรกนี้ ต้องขอบพระคุณผู้บริจาคทุกท่านที่ทำให้มูลนิธิได้นำเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐาน สามารถรองรับการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยโรคตาอีกหลายชนิด อาทิ แผลเป็นกระจกตาดำ กระจกตาเสื่อม อุบัติเหตุตาแตก แผลเป็นที่กระจกตา

นอกจากการปลูกถ่ายกระจกตาแล้ว คาดว่าในปีนี้เราจะมีคนไข้รายแรกที่ทำการปลูกถ่ายไขกระดูกได้สำเร็จ รวมทั้งคนไข้เปลี่ยนไตซึ่งโรงพยาบาลทำสำเร็จแล้ว 12 ราย

สิ่งเหล่านี้จะทำให้พยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร สามารถพัฒนาขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยในเขตภาคเหนือตอนล่าง ลดการส่งต่อผู้ป่วย เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาหลังการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งนิสิตแพทย์จะได้ศึกษาจากอาจารย์แพทย์ เพื่อเป็นบัณฑิตแพทย์ที่ดีและเก่งต่อไป

ตับ LIVER

ตับ เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ตับของผู้ใหญ่จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 1.5 กิโลกรัม และที่น่าสนใจมากก็คือ ปริมาณโลหิตในร่างกายทั้งหมดซึ่งมีประมาณ 5,000 ซีซี. (5 ลิตร) จะไหลเวียนผ่านตับ 1 รอบใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีเท่านั้น หรืออาจกล่าวให้น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกว่า ตับเป็นอวัยวะที่มีเลือดในร่างกายไหลผ่านถึงวันละ 360 รอบ คิดเป็นจำนวนเลือดที่ไหลผ่านมีปริมาณมากถึงวันละ 1,800 ลิตร (คิดเป็นน้ำหนักถึง 1.8 ตัน) ถ้าเปรียบตับเป็นเครื่องยนต์ก็ต้องถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ทำงานหนักที่สุด เพราะทำงานต่อเนื่องนานหลายสิบปีโดยไม่หยุดเลย
ตับเป็นอวัยวะที่มีความแข็งแรงมาก และจะต้องทำงานไปตลอดอายุขัยของเจ้าของ ถ้าจะกล่าวถึงหน้าที่ของตับแล้วนับว่ามากมายทีเดียว ตับเป็นทั้งอวัยวะแห่งการสร้าง ซ่อมแซม ควบคุม เก็บกัก และขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งสามารถกล่าวโดยย่อดังนี้
• อวัยวะแห่งการสร้าง ตับสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย สร้างโปรตีนหลายชนิดเพื่อให้ร่างกายนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างน้ำย่อยที่เรียกว่าน้ำดีไว้ใช้ย่อยอาหารในลำไส้ แม้กระทั่งสร้างหรือสังเคราะห์ไขมันเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตฮอร์โมนไว้หล่อเลี้ยงระบบต่างๆในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เช่น ระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น
• ตับช่วยซ่อมแซม เช่นเมื่อเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพเนื่องจากอาการของโรคเบาหวาน ตับก็จะทำหน้าที่ช่วยพยุงให้ตับอ่อนสามารถทำงานต่อไปได้ และยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนให้กลับเป็นปกติได้ด้วย ดังนั้น ถ้าตับมีสุขภาพดีการควบคุมน้ำตาลในเลือดก็จะดีตามไปด้วยเพาะตับอ่อนมีสุขภาพดีนั่นเอง โรคเบาหวานจึงเป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ถ้ามีตับที่แข็งแรง
• ตับช่วยควบคุม เช่นควบคุมการใช้พลังงานของร่างกาย ควบคุมการขับสารพิษให้ออกจากร่างกาย ควบคุมการนำสารอาหารที่ย่อยแล้วจากลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายอย่างเหมาะสมซึ่งเป็นกลไกที่มีความสำคัญที่สุดของการมีสุขภาพดี
• ตับช่วยเก็บกัก เช่น เก็บพลังงานไว้ใช้ในยามจำเป็นเมื่อประสบภัยอย่างกระทันหันร่างกายจะมีพละกำลังมหาศาล เช่นยกตู้เย็นวิ่งหนีไฟไหม้เป็นต้น นอกจากนั้นตับยังทำหน้าที่เก็บสะสมวิตามินและเกลือแร่มากมายไว้ให้ร่างกายได้ใช้ในทุกกิจกรรม
• ตับขับของเสียออกจากร่างกาย สารอาหารที่ย่อยแล้วถ้ามีปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ตับจะถือว่าเป็นสารพิษที่ต้องขับทิ้งออกจากร่างกาย แต่ถ้าอาหารเหล่านั้นมีปริมาณมากเกินกว่าที่ตับจะสามารถขับทิ้งได้หมดตับก็จะเฉื่อยชาและเริ่มเสื่อมสภาพ สารพิษหรืออาหารเหล่านั้นก็จะแทรกตัวเข้ากระแสเลือดเข้าสู่ร่างกาย นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพ และนำมาซึ่งโรคภัยร้ายแรงในที่สุด เช่น เริ่มจากมีน้ำหนักตัวเกิน ไขมันในเลือดเริ่มสูง มีความดันโลหิตสูงตามมา เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ สมองขาดเลือด ต้อกระจก และโรคไตวาย ตามลำดับ และอาจมีกลุ่มอาการของโรคอื่นแทรกขึ้นมาอีกก็ได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคตับ หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือโรคภูมิแพ้ เป็นต้น ตับจึงเป็นอวัยวะที่ต้องเอาใจใส่เพราะการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีสุขภาพแข็งแรงนั้นต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพของตับเป็นสำคัญ หลายคนเข้าใจผิดไปให้ความสำคัญกับสมองและหัวใจมากกว่า พยายามหาอาหารเสริมราคาแพงมาบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วตับเป็นอวัยวะที่หล่อเลี้ยงสมองและหัวใจ การดูแลตับให้แข็งแรงมีวิธีเดียวคือการมีโภชนาการที่สมดุลและเพียงพอ กินอาหารที่ปรุงแต่งน้อยและเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ตับต้องการพลังงานจากอาหารไม่มากเพราะตับสามารถสร้างพลังงานได้เอง แต่ตับต้องการเกลือแร่ วิตามิน สารจากธรรมชาติ ( Phyto-nutrients ) และโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้การทำงานของตับดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด
เราทราบว่าโดยธรรมชาติแล้วตับเป็นอวัยวะที่มีความแข็งแรงมาก เพราะกว่าจะทราบว่าตับมีปัญหาก็ต่อเมื่อร่างกายมีอาการของโรคปรากฎขึ้นแล้วทั้งนั้น เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด โรคหัวใจ สมองขาดเลือด โรคมะเร็งตับ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องดูแลสุขภาพตับให้มั่นใจว่าแข็งแรงจริงๆ
ไต ได้ชื่อว่าเป็นอวัยวะที่รักษาความสมดุลของร่างกายที่ดีที่สุด คือขับของเสียออกจากร่างกาย ควบคุมระดับน้ำ เกลือแร่ และสารอื่น ๆ ที่มีมากเกินไปในร่างกาย ควบคุมโลหิต สร้างเม็ดโลหิตและควบคุมระดับของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในเลือด ซึ่งมีผลต่อกระดูก ถ้าไตไม่ทำงานมีผลทำให้ร่างกายมีของเสียคั่งค้างอยู่มาก เซลล์ทำงานได้ไม่ปกติ มีน้ำ เกลือแร่ คั่งอยู่ในร่างกาย มีความดันโลหิตสูง โลหิตจาง กระดูกเปราะง่าย เป็นต้น และบางครั้งอาการเหล่านี้อาจทำให้เสียชีวิตได้ การเสียหน้าที่ของไต จากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เมื่อถึงระดับที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการประคับประคอง (Conservative treatment) เช่นการรับประทานยา การควบคุมเรื่องอาหาร ผู้ป่วยจะต้องได้รับการักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่หากอยู่ในขั้นระยะสุดท้าย เช่นเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จะต้องรักษาโดยการใช้การบำบัดรักษาทดแทนไต เช่น การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
การดูแลรักษาทั้งตับและไตใช้วิธีเดียวกันคือ
1. กินอาหารที่มีสารอาหารสมดุล พิสูจน์มาเกือบ 10 ปีแล้วว่าผลิตภัณฑ์อาหารธัญพืชของซีเกรนทุกผลิตภัณฑ์มีส่วนทำให้ทั้งตับและไตทำงานดีขึ้นถ้ากินอย่างสม่ำเสมอ
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละ 30 นาทีแล้วพักผ่อนเพียงพอโดยเฉพาะการนอนหลับต้องให้หลับสนิทระหว่างสองยามถึงตีสี่เป็นอย่างน้อยเพราะเป็นเวลาทองที่ระบบในร่างกายกำลังซ่อมตับและไตให้แข็งแรง
3. อย่าเครียด เมื่อใดที่รู้สึกเครียดอารมณ์ไม่ปกติ พยายามแก้เครียดด้วยวิธีการต่างๆแล้วแต่จะทำได้ซึ่งมีหลายวิธี เช่น ออกจากเหตุการณ์ที่ทำให้เครียดไปเลย หรือเปลี่ยนบรรยากาศ ดูหนังสนุกๆ ฟังเพลง อ่านหนังสือที่ทำให้สบายใจ ทำสมาธิ ออกกำลังกาย

Right Here, Right Now Club Exhibition


สเมอร์นอฟ เปิดตัว “สเมอร์นอฟ มิว อาร์ทีดี” ในรูปแบบคลับ เอ็กซิบิชั่น “Right Here, Right Now Club Exhibition”
เวิรฟ บริษัทตัวแทนประชาสัมพันธ์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่าย “สเมอร์นอฟ” (Smirnoff) เครื่องดื่มพรีเมี่ยมที่มียอดขายอันดับหนึ่งของโลก ขอเชิญท่านหรือตัวแทนของท่านร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว ‘Smirnoff Mule RTD — สเมอร์นอฟ มิว อาร์ทีดี’ เครื่องดื่มแบบพร้อมดื่ม (Ready to Drink) ระดับโลกที่มีต้นกำเนิดมาจากตำนานการคิดค้นสูตรส่วนผสมเครื่องดื่ม “สเมอร์นอฟ มิว” ที่ได้รับขนานนามว่าเป็น “เครื่องดื่มที่พลิกโฉมตลาดแอลกอฮอล์ของโลก” และได้รับความนิยมในหมู่ผู้คนในวงการฮอลลีวู้ดอย่างรวดเร็วและขยายความนิยมต่อเนื่องไปทั่วโลก โดยมีคุณกมลาศ พัฒนาไพศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มสินค้า ไวท์ สปิริต บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้ข้อมูล โดยงานแถลงข่าวจะจัดให้มีขึ้นใน วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2552 เวลา 16.00 — 18.00 น. ณ ผับ Route 66 The Level อาร์ซีเอ ถนนพระรามเก้า

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Miss USA Taraa Conner








Tara Elizabeth Conner, born on December 18, 1985 in Dallas, Texas, is an American

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เยอรมนีนำคดีมนุษย์กินคนมาสร้างภาพยนตร์

คดีมนุษย์กินคนในเยอรมนีเมื่อ 5 ปีก่อน ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้ผู้ชมได้รับรู้เรื่องราวอีกครั้งหลังการต่อสู้อย่างยาวนานในศาล

ภาพยนตร์เรื่อง Rohtenburg ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เรื่องราวของ Armin Meiwes ฆาตกรซึ่งฆ่าชายคนหนึ่งที่เขารู้จักบนอินเตอร์เน็ต หั่นศพออกเป็นชิ้นๆ และกินเนื้อบางส่วนของศพ

Armin Meiwes ซึ่งได้รับฉายาว่ามนุษย์กินคนแห่ง Rotenburg ถูกศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต เขายื่นฟ้อง Martin Weisz ผู้กำกับภาพยนตร์ไม่ให้นำเรื่องราวของเขาไปใช้สร้างภาพยนตร์เนื่องจากเกรง ว่าจะเป็นการรุกรานสิทธิส่วนบุคคลของเขา แต่เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ศาลใน Karlsruhe พิจารณาว่าสาธารณชนให้ความสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้และ Meiwes เองก็เคยมีความต้องการที่จะป่าวประกาศผลงานที่เขาภาคภูมิใจ จึงตัดสินให้คำร้องขอของเขาตกไปและอนุญาตให้สร้างภาพยนตร์ได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงนำโดย Keri Russell รับบทเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวอเมริกันที่ต้องการศึกษาคดีฆาตกรโรคจิตใน ประเทศเยอรมนี โดยเธอเลือกศึกษาคดีมนุษย์กินคนเพื่อนำมาทำวิทยานิพนธ์

เรื่องราวจากในคดีจริงนั้น Meiwes ซึ่งเป็นวิศวกร พบกับเหยื่อของเขาคือ Bernd-Juergen Brandes ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้จัดการฝ่าย IT ในบริษัทแห่งหนึ่ง โดยผ่านทางการพบปะบนอินเตอร์เน็ตเมื่อปี 2001 Brandes พูดว่าเขากำลังมองหาคนที่สามารถช่วยทำลายร่างกายของเขาให้สิ้นซากโดยที่ไม่ ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ ซึ่ง Meiwes ตอบสนองโดยการใช้มีดแทงลำคอของเขา แขวนเขาเอาไว้บนตะขอแขวนเนื้อ หั่นศพของเขาออกเป็นชิ้นๆ และนำเนื้อบางส่วนมากิน ภายหลังศาลตัดสินให้เขาต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าเขาจะอ้างว่า Brandes เป็นคนที่ขอให้เขากินเนื้อของตัวเองก็ตาม

คดีของ Armin Meiwes ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และกระแสความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยถูกนำมาเขียนเอาไว้ในหนังสือหลายเล่ม นอกจากนี้ยังนำมาทำเป็นภาพยนตร์และแต่งเพลงอีกด้วย

ชาวดัตช์หัวใส คิดธุรกิจจักรยานเบียร์ ดื่มไปปั่นไป

เจ้าหน้าที่เป็นห่วงธุรกิจจักรยานเบียร์ในอัมสเตอร์ดัม ลูกค้าดื่มเบียร์ไปด้วยปั่นจักรยานไปด้วย อาจก่อให้เกิดอันตรายได้“จักรยานเบียร์” หรือ Beer Bike ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อตอบสนองความรักในการถีบจักรยานและความชื่นชอบในรสชาติของ เบียร์ไปพร้อมๆ กัน โดยจักรยานเบียร์หนึ่งคันสามารถบรรจุคนได้ 10-19 ที่นั่ง พร้อมกับทำหน้าที่เป็นบาร์ขายเบียร์ไปด้วยในตัว ในขณะที่ผู้ใช้บริการก็จะได้ดื่มด่ำกับรสชาตของเบียร์ไปพร้อมๆ กับออกกำลังกายลดพุงที่อาจมาพร้อมกับการดื่มเบียร์Ard Karsten ผู้จัดการบริษัทจักรยานเบียร์กล่าวว่า เขาตัดสินใจสร้างพาหนะที่ผู้ใช้บริการสามารถดื่มเบียร์ ปั่นจักรยาน และรู้สึกสนุกสนานไปพร้อมๆ กันได้จักรยานเช่นนี้เห็นได้ทั่วไปใน กรุงอัมสเตอร์ดัมเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ และได้รับความชื่นชอบจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก Ben นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษกล่าวว่า การปั่นจักรยานเบียร์มันก็ยากอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณเหนื่อยก็สามารถหยุดและปล่อยให้คนอื่นปั่นต่อไปได้
แต่การที่ต้องปั่นจักรยาน ดื่มเบียร์ สูบบุหรี่ และร้องเพลงไปพร้อมๆ กันนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากเหมือนกันอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองเริ่มจะแสดงความกังวลใจต่อจักรยานเบียร์ขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจักรยานเบียร์เคยก่อให้เกิดอุบัติเหตุแล้ว 2 ครั้ง โดยมีผู้บาดเจ็บหลายคนHans Gerson เจ้าหน้าที่เทศบาลซึ่งรับผิดชอบเรื่องยานพาหนะสั่งให้มีการสอบสวนแล้วเพื่อ สำรวจว่าในเมืองมีจักรยานเบียร์ทั้งหมดกี่คันและจักรยานเหล่านี้เป็นปัญหา จริงหรือไม่ ด้านArd Karsten กล่าวว่าเทศบาลจะช่วยหาทางออกให้เอง และถึงแม้ว่าจะถือเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ แต่บริษัทของเขาก็เสิร์ฟเบียร์แค่ 30 ลิตรเท่านั้นหากไม่เป็นปัญหาด้านความปลอดภัยต่อประชาชนคนอื่น นี่อาจเป็นวิธีการแก้ปัญหาให้ผู้ชื่นชอบการดื่มเบียร์แต่กลัวมีพุงทั้งหลาย เพราะดื่มแล้วก็ได้ออกกำลังกายเลยทันที

Body Paint Model Jessica Gomes

Jessica Gomes is an Australian model of Singaporean Chinese and Portuguese heritage